Daily Mirror
สร้างสรรค์มุมมอง
อย่างรอบด้าน
เห็นมิติที่กว้างกว่า
ผมเชื่อว่า แม้จะไม่มีข่าวปรากฏขึ้นหน้าหนึ่งเป็นรายวัน กรณีที่เด็กๆ ถูกทำร้าย ถูกทุบตีจนตายก็ตาม แต่เชื่อว่า ยังคงจะมีที่ไม่เป็นข่าวอย่างแน่นอน
.
สังคมวิปริตถึงขั้นที่จิตใจมนุษย์โหดเหี้ย-มกันถึงขนาดไม่เว้นแม้แต่เด็กๆ ที่ไม่มีทางสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันทำได้อย่างไรกับเด็กทารกที่ยังพูดไม่ได้ บอกไม่ได้ว่า เจ็บตรงไหน หรือถูกหมาไหนทำ
.
ทุกครั้งที่ได้รับรู้เรื่องเด็กถูกทุบตีจนตาย ผมแค้นมาก และด้วยความที่เป็นคนช่างคิดช่างฝัน ช่างจินตนาการ ผมมักจะคิดจินตนาการต่อเอาว่า ถ้ามีโอกาสสร้างฝันให้เป็นจริงได้ ผมจะขออาสาเป็นผู้สำเร็จโทษไอ้ผู้ใหญ่ใจชั่วเหล่านี้ทุกๆ ตัว
.
ไทยรัฐ ฉบับวันที่ ๑ ตุลาคม ปีที่แล้ว มีข่าวเด็กชายวัยเพียงแค่หนึ่งขวบ เสียชีวิต ร่างกายบอบช้ำ อวัยวะภายในแหลกเละ ร่างฟกช้ำ ตับไตไส้พุงแตก ไม่มีทางเป็นไปในทางอื่นๆ ได้ ผมฟันธงเลยครับว่า เพราะถูกทำร้ายทุบตีอย่างไร้ซึ่งความเป็นคน หรือแม้แต่จะเปรียบเป็นหมา ก็เปรียบไม่ได้ เพราะแม้แต่หมามันยังไม่ฆ่าลูกมันอย่างนี้เลย
.
ตำรวจได้พุ่งเป้าไปที่ผู้ใหญ่ใกล้ชิด คนในครอบครัว หรือคนเลี้ยงดูเด็กชายคนนี้ เพราะสภาพร่างกายฟ้องชัดว่า เด็กถูกทำร้ายมาก่อนหน้านี้หลายวันแล้ว และคาดว่า เด็กอาจถูกทำร้ายในบ้านพัก เพราะไม่มีพยานบุคคลเห็นการกระทำของบุคคลใดบุคคลหนึ่งอย่างแน่นอน พ.ต.ท.ประกอบ บุญขวัญ สวส. สภ.ท่าฉัตรไชย ได้สอบปากคำผู้เป็นพ่อ ได้ความว่า ตนไม่ได้เลี้ยงดูลูกชายคนนี้เอง แต่มอบให้อาเป็นผู้เลี้ยงดู เหมือนยกให้เป็นลูกบุญธรรม ส่วนตนก็มีเมียใหม่มีลูกใหม่
.
ทุกชีวิตย่อมมีปัญหา ปัญหาชีวิตจะรุนแรงขนาดไหน ก็ไม่ถึงกับต้องฆ่าเด็ก เด็กไม่ได้เป็นตัวสร้างปัญหาชีวิตให้ พวกเอ็งนั่นแหละตัวดี แล้วโยนขี้ไปให้เด็ก อันที่จริงน่าจะเอาเด็กไปให้สถานสงเคราะห์ แล้วก็ฆ่าตัวตายเสียก็สิ้นเรื่อง ไหนๆ ก็อยากจะฆ่าคนอยู่แล้ว แน่จริงมึงฆ่าตัวเองให้ตายๆ ไปสิครับ จะได้ไม่หนักแผ่นดิน
.
ความไม่พร้อมของชีวิตครอบครัวเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจทำอะไรลงไปอย่างสิ้นคิด ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย หรือการฆ่าลูกของตัว รวมไปถึงกรณีพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง ที่เป็นอีกปัญหาหนึ่งซึ่งมักจะเป็นตัวการในการทำร้าย ทุบตี กระทั่งฆ่าลูกเลี้ยงได้อย่างลงคอ
.
การไล่ล่าจับตัวมือสังหาร มิได้เป็นการแก้ปัญหาที่แท้จริง มิใช่เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ความซับซ้อนของชีวิตในสังคมที่แตกต่าง และเป็นอยู่อย่างสุ่มเสี่ยง เป็นเรื่องที่หนักกบาลเอาการ สำหรับนักสังคมสงเคราะห์ทั้งหลาย ที่ไม่มีวันจะเข้าถึงได้อย่างทุกซอกมุมของชีวิตอีกหลายชีวิตที่ยั้วเยี้ยอยู่อย่างแอบแฝงในสังคม ด้วยภาวะจำยอมและไม่สามารถจะเลือกที่เกิดได้ หรือกระทั่งไม่สามารถที่จะเลือกเส้นทางเดินของชีวิตได้ดังใจปรารถนา
.
เราจึงต้องได้รับรู้เรื่องของเด็กที่ถูกทารุณกรรม ทุบตีทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิต เราได้รับรู้เรื่องของเด็กที่ถูกบังคับขืนใจ ให้ไปเป็นขอทาน ให้ไปวิ่งขายพวงมาลัย กระทั่งถูกบังคับกระทำอนาจาร ซ้ำร้ายด้วยความก้าวหน้าของโลกโซเชียลมีเดีย จึงถูกถ่ายเป็นคลิบออกเผยแพร่
.
ข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าช่วยเหลือเด็กๆ ชาวเขา จำนวนหนึ่งที่ถูกมารสังคมตัวหนึ่งหลอกมอมยา ข่มขืน ทำอนาจาร ทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย ที่อนาถใจและทุเรศที่สุดก็คือ มีเด็กหญิงชาวเขาที่มันเอามาเลี้ยงดูเป็นผู้อุปการะตั้งแต่อายุเพียงห้าขวบ แล้วก็โดนกระทำอนาจารมาตลอดจนเรื่องแดงขึ้นมาเมื่อปีที่แล้ว ก็ปาเข้าไปสี่ปี
.
แม่ง.!..ทำได้ไง ? ชั่วไม่มีตำหนิจริงๆ
ตอนนี้ถูกจับขังคุกอยู่ ถ้าจะให้ดี คดีเช่นนี้ ต้องดำเนินคดีอย่างเต็มที่ ไม่ต้องลดโทษให้แม้แต่วันเดียว เพราะมีตัวอย่างให้เห็นมากมายนักแล้วว่า ไอ้เปรตพวกนี้ พ้นโทษออกมาแล้ว ก็ไม่เคยคิดที่จะกลับใจ กลับเนื้อกลับตัว หลายต่อหลายตัวก็ยังมุ่งทำชั่วเหมือนเดิม แต่พูดก็พูดนะ.. แค่ติดคุกก็ไม่ได้ช่วยให้คดีความทำร้ายเด็กลดน้อยลง เปลืองข้าวหลวง กับหนักแผ่นดินเปล่าๆ
