Daily Mirror

สร้างสรรค์มุมมอง
อย่างรอบด้าน
เห็นมิติที่กว้างกว่า

รดน้ำดำหัวเยาวชน..

เทศกาลสงกรานต์ เป็นเทศกาลหนึ่งซึ่งเหมาะสมที่เป็นจุดร่วมแห่งความสุขของสังคมไทย แม้ว่าวิธีการเล่นสงกรานต์จะผิดแผกแตกต่างไปจากประเพณีที่ดีงามในอดีต แต่ยังมีเพียงการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่เท่านั้น ที่ยังคงอยู่ต่อๆ กันมาอย่างงดงาม

เพียงแค่ได้ข่าวและเห็นภาพว่า มีปรากฏการณ์ทวงคืนประชาธิปไตยแบบกลับหัวกลับหาง (69) โดยมีกลุ่มผู้เฒ่ากลุ่มหนึ่งจัดให้มีพิธีกรรม “รดน้ำดำหัวเยาวชน” ด้วยใช้เป็นสัญลักษณ์ในการอ้างถึงประชาธิปไตยอย่างประชดประชันและเสียดสี อาศัยเทศกาลสงกรานต์อันเป็นเทศกาลแห่งความสุขของครอบครัวคนไทยทั้งประเทศเป็นฉากหลัง สร้างความวิบัติให้กับประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามที่มีมาก่อนหน้ารุ่นพ่อแม่เรา
.
ภาพและข่าวที่โผล่มา บอกอะไรได้หลายอย่าง บอกถึงวุฒิปัญญา บอกถึงจิตปัญญา และยังบอกให้รู้ว่า คุณวุฒิและวัยวุฒิต่างก็เปลี่ยนไปได้สุดขอบฟ้า แม้จะอยู่บนพื้นฐานแห่งกาลเวลาเดียวกันและเท่ากัน
.
การเรียกร้อง เรียกหา “ประชาธิปไตยที่แท้” เป็นสิ่งที่ดีงาม ทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงออกให้เห็นได้ในหลายรูปแบบ แต่ต้องไม่ไปทำลาย ไม่ไปกระแทกแดกดันสิ่งดีงามที่คนหมู่มากเขายึดถือปฏิบัติกันมา อย่างเช่น “ประเพณีการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่”
.
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วนี่ขอรับว่า ประเพณีการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ของเรานั้น มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร? 
เห็นมั้ยขอรับว่า แค่วัตถุประสงค์ที่รู้อยู่แก่ใจ ตั้งแต่เด็กอนุบาลนั้น มันช่างงดงามเพียงใด
.
แล้วการสร้างภาพและข่าวการรดน้ำดำหัวเยาวชน ด้วยวัตถุประสงค์ตามที่เป็นข่าวนั้น มันได้ให้อะไรแก่สังคมไทย โดยเฉพาะสังคมไทยที่กำลังมีความสุขกันทั้งประเทศอยู่ในขณะนี้
.
ความสุขของคนที่ได้กลับบ้าน ไปรดน้ำดำหัว ไปกราบไหว้ขอขมา ขอพรจากพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย หรือผู้ใหญ่ที่ตนเคารพนับถือในสังคมบ้านเกิด ในช่วงกาลเวลาที่เหมาะสม แม้เพียงปีละครั้ง แต่ก็ล้วนมีความสุขกันถ้วนหน้าอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่แอบแฝง ไม่ยัดไส้ ไม่ใส่ไข่
.
ถามว่า ความสุขที่เกิดจากการกระทำที่ดีงามเช่นนี้ มันหนักหัวกบาลใคร
สังคมไทย เจ็บปวดและป่วยมามากแล้ว เพราะใครหรือเพราะเหตุใด เราท่านต่างก็รู้อยู่แก่ใจ
.
เทศกาลสงกรานต์ เป็นเทศกาลหนึ่งซึ่งเหมาะสมที่เป็นจุดร่วมแห่งความสุขของสังคมไทย แม้ว่าวิธีการเล่นสงกรานต์จะผิดแผกแตกต่างไปจากประเพณีที่ดีงามในอดีต แต่ยังมีเพียงการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่เท่านั้น ที่ยังคงอยู่ต่อๆ กันมาอย่างงดงาม โดยถูกปลูกฝังจากรุ่นต่อรุ่นมาหลายชั่วอายุคน ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสืบทอดต่อไปให้ยั่งยืน
.
สังคมผู้สูงอายุในทุกวันนี้ห่อเหี่ยวลงเรื่อยๆ ไม่ต้องดูอื่นไกล แค่พ่อแม่ของเราที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว รอวันเวลาที่ลูกๆ กลับบ้านมาเพียงปีละครั้งหรือสองครั้ง ในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทยและปีใหม่สากล
.
เชื่อเถิดนะขอรับว่า
มันเป็นความสุขสุดยอดจริงๆ 
ความสุขที่เกิดจากความอบอุ่น ยามเมื่อได้ใกล้ชิดลูกหลาน เป็นสิ่งที่หาซื้อไม่ได้ คนที่ไม่เคยเป็นพ่อคนแม่คน ต่างก็ไม่มีทางที่จะมีความรู้สึกเช่นนี้ คนที่ไม่เคยเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ต่างก็ไม่มีทางที่จะมีความรู้สึกเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน
.
นั่นคือ คนที่มีวุฒิภาวะปกติ มีจิตใจที่งดงามต่อพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย และผู้หลักผู้ใหญ่ที่ตนเคารพนับถือ
.
คนเหล่านี้นี่แหละครับที่สังคมไทยยุคนี้ต้องการ สังคมยุคที่ขาดแคลนความรักความสามัคคี เอาสีมาละเลงเพื่อให้เกิดความแตกต่างและแตกแยก โดยมิได้ยืนอยู่บนความถูกต้องชอบธรรม หรือแม้แต่ “ประชาธิปไตย” อย่างที่อ้างกันแบบมั่วๆ
.
คนที่เรียกหาประชาธิปไตย มีหลายประเภท อาทิ ประเภทบริสุทธิ์ใจ ประเภทไม่บริสุทธิ์ใจ ประเภทไหลตามน้ำ ประเภททวนน้ำ ประเภทหวงก้าง(ประชาธิปไตยของข้า ใครอย่าแตะ) ประเภทสูงสุดคืนสู่เชิงตะกอน ประเภทครึ่งบกครึ่งน้ำ ประเภทข้าวซอยเน่า ข้าวยำขึ้นรา และปลาร้าบูด ฯลฯ (แปลว่า นึกไม่ออก แต่เชื่อว่า ยังมีอีก)
.
ขอฟันธงว่า พิธีการรดน้ำดำหัวเยาวชนนี้ มีเพียงแค่ปีนี้ปีเดียว เพราะมิได้มีเจตนาสร้างให้เกิดเป็นประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงาม
.
อะไรก็ตามที่เป็นของปลอม ย่อมอยู่ได้ไม่นาน ไม่เชื่อก็รอดูนะขอรับ