Physical Address
304 North Cardinal St.
Dorchester Center, MA 02124
Physical Address
304 North Cardinal St.
Dorchester Center, MA 02124
ชื่อบางกอกมาจากไหน? ทำไมต้องเรียกบางกอก? การเปลี่ยนแปลงของบางกอกตามกาลเวลา มีเหตุการณ์มากมายที่ต้องบันทึก ศึกษาและเล่าขานสู่ลูกหลานในอนาคต
เคยสงสัยไหม?ว่าเราเรียกกรุงเทพฯ ทำไมภาษาอังกฤษไม่เขียน Krungtep แต่เขียนว่า Bangkok โดย…..ปิยะนุช นาคคง
.
ชื่อบางกอกมาจากไหน? ทำไมต้องเรียกบางกอก? การเปลี่ยนแปลงของบางกอกตามกาลเวลา มีเหตุการณ์มากมายที่ต้องบันทึก ศึกษาและเล่าขานสู่ลูกหลานในอนาคต
.
เชื่อหรือไม่ 1,000 ปีที่แล้วบางกอกอยู่ใต้ทะเล
.
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเคยมีลายพระหัตถ์เล่าว่า “ขุดได้ซากปลาวาฬที่บางเขน ไม่ห่างสะพานพระราม 6 เท่าใดนัก” เมื่อกว่า 12,000 ปีมาแล้วบริเวณที่ราบลุ่มน้ำเจ้าพระยาเป็นทะเล โดยเพิ่งจะกลายมาเป็นแผ่นดินที่เต็มไปด้วยโคลนตม ราว 900 ปีที่ผ่านมา อ่าวไทย มีขอบเขตกว้างขวางสูงขึ้นไปถึงลพบุรีหรือเหนือขึ้นไปอีก ตามที่ปรากฎหลักฐานในสมัยทวารวดี
.
โดยรอบอ่าวไทยมี “มนุษย์อุษาคเนย์” ร่อนเร่เป็นกลุ่มเล็กๆ กระจัดกระจายแสวงหาอาหารตามธรรมชาติด้วยเครื่องมือทำด้วยหินและไม้ บางทีก็เอาเรือไม้แล่นหาอาหารตามทะเลโคลนตม
.
ในหนังสือกรุงเทพฯ มาจากไหน? (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2548) เล่าว่าทะเลอ่าวไทยยุคดึกดำบรรพ์ราว 12,000 ปีมาแล้ว มีขอบเขตกว้างขวางกว่าปัจจุบัน ดังนี้
.
ทิศเหนือ ทะเลสูงขึ้นไปถึงบริเวณ จ.ลพบุรี หรือเหนือขึ้นไปอีก.
.
ทิศตะวันตก ทะเลเว้าเข้าไปถึงบริเวณ อ.เมือง และ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ต่ำลงมาที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ต่ำลงมาที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี และต่ำลงมาที่ อ.เมือง จ.เพชรบุรี
.
ทิศตะวันออก ทะเลเว้าเข้าไปถึงบริเวณ จ.สระบุรี จ.นครนายก จ.ปราจีนบุรี และเว้าไปถึง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
เมื่อขอบเขตอ่าวไทยยุคดึกดำบรรพ์ล้ำเข้าไปมากกว่าปัจจุบัน แม่น้ำสายสำคัญๆ ที่ไหลลงทะเลจึงสั้นกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ คือ
*ปากน้ำเจ้าพระยา อยู่บริเวณ จ.นครสวรรค์-ชัยนาท
*ปากน้ำแม่กลอง อยู่ทาง จ.นครปฐม (แม่น้ำท่าจีนยังไม่มี)
*ปากน้ำบางปะกง อยู่ทาง จ.นครนายก-ปราจีนบุรี
*ปากน้ำป่าสัก อยู่ทาง จ.ลพบุรี เป็นต้น
.
ตามปรากฏการณ์ธรรมชาติ อันเป็นผลจากการทับถมของตะกอนหรือโคลนตมที่ล้นทะลักไหลมากับน้ำในแม่น้ำสายต่างๆ ที่มีอยู่รอบอ่าวไทย ยุคโน้น ครั้นนานเข้าก็กลายเป็นทะเลโคลนตม ขยายพื้นที่กว้างออกไปเรื่อยๆ ช้าๆ ตามธรรมชาติ
.
ที่สุดโคลนตมที่ถมทับกลับกลายเป็นดินดอน แผ่กว้างเป็น “แผ่นดินบก” สืบเนื่องจนปัจจุบันนอกจากจะถมทะเลให้เป็นแผ่นดินบกแล้ว โคลนตมจำนวนมหาศาลยังเป็นปุ๋ย ธรรมชาติดีที่สุด ที่ทำให้พื้นดินอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกข้าวในสมัยหลังๆ
เมื่อตะกอนจากแม่น้ำทะลักออกมาทับถมนานนับพันปี ในที่สุดอ่าวไทยก็ค่อยๆ หดลง บริเวณที่โคลนตมตกตะกอนก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของผืนแผ่นดินใหญ่
.
บางกอกในยุคก่อนประวัติศาสตร์
3,000 ปีมาแล้ว มนุษย์รู้จักถลุงเหล็กทั่วไปทั้งภูมิภาคอุษาคเนย์ มีชุมชน บ้านเมืองขนาดเล็กๆ เกิดขึ้นทั่วไป มีคนจากที่ต่างๆ เคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งหลักแหล่งในดินแดนประเทศไทยมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เมืองบางกอกยุคนั้นยังเป็นทะเลโคลนตม จึงไม่มีคนตั้งหลักแหล่งถาวรได้ จะมีก็เพียงคนบางกลุ่มเคลื่อนไหวแสวงหาอาหารผ่านไปมา
.
คนพื้นเมืองยุคแรกนี้คงเป็นพวกทำมาหากินชายฝั่งทะเล เช่น พวกพูดภาษามาเลย์-จาม กับชวา-มลายู จนถึงตระกูลมอญเขมรกับลาว-ไทยที่กระจัดกระจายจากพื้นที่ภายในภาคพื้นหรือบริเวณหุบเขาลงมาประสมประสานอยู่ด้วยกันกับพวกอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ทะเล (สุจิตต์ วงษ์เทศ, กรุงเทพมาจากไหน?, มติชน (2548) หน้า 18)
.
หลัง พ.ศ. 1600 มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจการเมือง และสังคม วัฒนธรรมขนานใหญ่ มีบ้านเมืองและรัฐรุ่นใหม่เติบโตขึ้นโดยรอบอ่าวไทย โดยเฉพาะบริเวณที่ราบลุ่มดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น รัฐอโยธยาศรีรามเทพ (ที่ต่อมาเป็นกรุงศรีอยุธยา)
.
ชื่อบางกอกมาจากไหน ใครเรียก?
.
ในแผนที่ทะเลและแผนที่ครั้งโบราณที่ชาวต่างประเทศได้ทำไว้แต่สมัยกรุงศรีอยุธยาปรากฏตำแหน่งที่ตั้งของเมืองธนบุรีในชื่อของบางกอก โดยสะกดว่า Bangkok , Bancoc , Bancok , Banckok , Bankoc , Banckock , Bangok , Bancocq , Bancock ก็มี และในบางแผ่นเขียนคำว่า Siam อันหมายถึงประเทศสยามไว้ตรงที่ตั้งของบางกอก ในขณะที่มีคำว่า Judia , Odia, Juthia , Ajothia ,Odiaa อยู่เหนือขึ้นไปในตำแหน่งที่ตั้งของกรุงศรีอยุธยา ฉะนั้นบางกอกจึงเป็นสัญลักษณ์ของราชอาณาจักรไทยด้วย (แผนที่ประเทศไทยครั้งโบราณนี้ พิพิธภัณฑ์แผนที่ของกรมแผนที่ทหาร ได้รวบรวมและทำสำเนามาเก็บรักษาไว้ได้เป็นจำนวนมาก)
.
คำว่า “บาง” หมายถึง ลักษณะพื้นที่เป็นที่ชุ่มน้ำ เป็นทางน้ำเล็กๆที่ไหลขึ้นลงตามระดับน้ำในแม่น้ำลำคลองหรือเป็นการตั้งถิ่นฐานที่อยู่ของผู้คนตามริมแม่น้ำลำคลอง คุณสังเกตุดู ชุมชนใดที่นำหน้าด้วยคำว่า “บาง” ชุมชนนั้นจะต้องตั้งอยู่ริมน้ำเสมอ
.
สิ่งที่เป็นหลักฐานถึงที่มาของคำว่าบางกอกที่ยังปรากฎอยู่ในปัจจุบันคือคลองบางกอกน้อย คลองบางกอกใหญ่ และวัดมะกอก อันเป็นชื่อเดิมของวัดอรุณราชวราราม คือ
.
มีการถกเถียงการหลายตำราว่า “บางกอก” มาจากภาษาอะไรกันแน่ และทำไมจึงเรียกว่า “บางกอก” บางท่านก็เข้าใจว่า บริเวณนั้นแต่เดิมจะเป็นป่ามะกอก คือมีต้นมะกอกมากนั่นเอง จึงเอานามต้นไม้มาเรียกเป็นชื่อตำบลว่า ตำบลบางกอก (ส. พลายน้อย, เล่าเรื่องบางกอก, รวมสาส์น : พิมพ์ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2535 หน้า 16)
.
หมอสมิท (Mal colm Smith) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ A physician at the court of Siam ว่า “ชื่อบางกอกมาจากคำว่า บาง คือหมู่บ้านคำหนึ่ง และคำว่า กอก ซึ่งเป็นผลไม้ป่าชนิดหนึ่ง (Spondias pinnata) อันเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวยุโรป และว่าชาวโปรตุเกสที่เข้ามาเมืองไทยในคริสต์สตวรรษที่ 16 เป็นผู้ให้กำเนิดคำนี้”
.
แต่ในหนังสือ “จดหมายเหตุรายวันของท่านบาทหลวง “เดอ ชวาสี”” ได้หมายเหตุไว้ว่า “บางกอก คือจังหวัดธนบุรี บางแปลว่า บึง กอกแปลว่า น้ำ (กลายเป็นแข็ง) หรือน้ำกลายเป็นดิน หรือที่ลุ่มกลายเป็นดอน” แต่ก็ไม่ได้บอกว่า กอก ที่ว่านั้นเป็นภาษาอะไร?
.
นอกจากนี้ยังมีบางท่านกล่าวว่า น่าจะมาจากคำว่า Benkok ซึ่งเป็นภาษามลายู แปลตามตัวว่าคดโค้ง หรืองอ อ้างว่า แม่น้ำในบางกอกสมัยก่อนโน้นคดโค้งอ้อมมาก พวกมลายูที่มาพบเห็นจึงพากันเรียกเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ความเห็นเหล่านี้ก็คงเป็น “ความเห็น” เท่านั้น (ส. พลายน้อย อ้างแล้ว หน้า 16-17)
.
การขุดคลองลัดนี้ก่อให้เกิดสภาพทางภูมิศาสตร์ใหม่ กล่าวคือแม่น้ำเจ้าพระยาเดิมเล็กลงจนกลายเป็นคลอง ในขณะที่คลองฝีมือมนุษย์กลับกว้างขึ้นจนกลายเป็นแม่น้ำจากคลองที่ขุดขึ้นใหม่นี้เอง
.
จากอ่าวไทยถึงอยุธยา จะมีเกาะถึง 9 เกาะ ทำให้ความสำคัญของธนบุรีทวีขึ้นจนถึง พ.ศ.๒๑๐๐ จึงจะพอเดาออกได้ ว่า คำว่าบางกอก น่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า บางเกาะ
.
บันทึกเมืองบางกอก ที่ปรากฎหลักฐานในสมัยอยุธยา
.
หลังจากราชอาณาจักรไทยได้สถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นราชธานี มีความเจริญมั่นคงทั้งในด้านการปกครอง การทหาร และการเศรษฐกิจ กล่าวคือนอกจากจะได้มีการตราพระราชกำหนดกฎหมายขึ้นเป็นหลักในการปกครอง และวางระเบียบการบริหารประเทศทั้งในกรุงและหัวเมืองขึ้นโดยเรียบร้อยแล้ว ยังมีอำนาจเหนือประเทศราชน้อยใหญ่ในแถบเอเชียอาคเนย์ ทั้งลาว เวียดนาม กัมพูชา และมลายู ทั้งยังเป็นเมืองท่าสำคัญในการเดินเรือติดต่อค้าขายระหว่างยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียในขณะนั้นด้วย และด้วยเหตุประการหลังนี้ พื้นที่แถบบริเวณ “บางกอก” อันเป็นที่ตั้งของกรุงรัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน จึงเริ่มเป็นที่สนพระทัยของ พระมหากษัตริย์หลายรัชกาล
.
บันทึกของชาวต่างชาติถึงบางกอก
.
บางกอกเป็นเมืองด่านที่สำคัญมาแต่แรกตั้งจนตลอดสมัยกรุงศรีอยุธยา รายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะภูมิประเทศและการทำมาหากินของชาวบางกอกในครั้งนั้น เอกสารประวัติศาสตร์ฝ่ายไทย มิได้กล่าวถึงมากนักด้วยผู้บันทึกคงจะเห็นเป็นของธรรมดา แต่จากบันทึกและจดหมายเหตุของชาวต่างประเทศได้ให้หลักฐานอันน่าสนใจเกี่ยวกับบางกอกไว้เป็นอันมาก อาทิ เช่น
.
ในเอกสารชุด The Records of Relation Between Siam and Foreign Countries in 17 th Century Vol.1 (บันทึกเรื่องสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยกับนานาประเทศในศตวรรษที่ 17) ซึ่งเป็นบันทึกของชาวต่างประเทศที่เข้ามาติดต่อกับกรุงศรีอยุธยาที่เก่าสุดเท่าที่สอบค้นได้ในปัจจุบัน พ่อค้าชาวฮอลันดาได้เขียนบันทึกบรรยายเกี่ยวกับอาณาจักรสยามไว้เมื่อปีพุทธศักราช 2160 – 2161 ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ความตอนที่กล่าวถึงบางกอกนั้นมีว่า
.
“กรุงศรีอยุธยาตั้งอยู่ประมาณ 15 องศา ทางเหนือ ต้องเข้าแม่น้ำไปภายในแผ่นดินประมาณ 20 ไมล์ฮอลันดา แม่น้ำนี้จัดอยู่ในประเภทแม่น้ำที่ดีที่สุดในย่านอินดีส ซึ่งสามารถให้เรือระวางหนักตั้งแต่ 150 ถึง 200 ลาสท์ กินน้ำลึกตั้งแต่ 12 ถึง 13 ฟุตขึ้นไปเข้าจอดได้โดยสะดวก จากปากน้ำเข้าไป 5 ไมล์เป็นที่ตั้งของเมืองล้อมรอบด้วยกำแพงมีชื่อว่า บางกอก ณ ที่นี่เป็นที่ตั้งของด่านภาษีแห่งแรก เรียกว่า ขนอนบางกอก (Canen Bangkok) ซึ่งเรือและสำเภาทุกลำไม่ว่าจะมาจากชาติใดก็ตาม จะต้องหยุดจอดทอดสมอ และแจ้งให้ด่านนี้ทราบก่อนว่าจะเข้ามาเพื่อจุดประสงค์อันใด บรรทุกสินค้ามาจากไหน มีผู้ใดมากับเรือบ้าง และมีสินค้าอะไรบ้างที่บรรทุกมา ก่อนที่เรือเหล่านั้นจะล่วงล้ำหรือเดินทางเข้าไปกว่านั้น จากบางกอกขึ้นมาประมาณ 1 ไมล์ มีด่านศุลกากรอีกแห่งหนึ่งเรียกว่า บ้านตะนาว (บริเวณเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี) ในปัจจุบัน ซึ่งเรือทุกลำที่จะขึ้นไปยังกรุงศรีอยุธยาจะต้องหยุดตรวจอีกครั้งหนึ่ง เพราะอยู่ในรัศมีไม่ไกลจากกรุงศรีอยุธยา
.
กรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยกำแพงหิน และมีแม่น้ำโอบไปโดยรอบ มีประชาชนอยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่น กรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองสวยงาม เป็นที่เชิดหน้าชูตาของกรุงสยามตามแบบฉบับของเมืองในแถบตะวันออก ในทำนองเดียวกัน เมื่อเรือจะกลับออกไปและเมื่อผ่านด่านภาษีที่บ้านตะนาวอีก ก็จะต้องหยุดทอดสมอเพื่อแจ้งให้ทราบว่าจะออกเดินทางไปไหน มีสินค้า สัมภาระและบรรทุกใครออกไปบ้าง ในเรื่องเกี่ยวกับระเบียบปฏิบัตินั้นผู้ที่จะออกไปจะต้องได้รับหนังสือพระราชทานสำคัญเสียก่อน เรียกว่า ตรา หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง (ใบผ่าน) ซึ่งจะต้องนำไปแสดงที่ด่านภาษีที่บางกอก ซึ่ง ณ ที่นี้เรือจะต้องหยุดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจ่ายอากรแผ่นดินสำหรับเรือและสินค้า หากไม่ปฏิบัติตามนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นนายเรือหรือเจ้านายอื่น ๆ ก็ตาม จะถูกยึดเรือทันที”
.
2.จดหมายเหตุของนายเซเบเรต์ (Ceberet) ซึ่งเดินทางเข้ามาในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ระหว่างพุทธศักราช 2230 – 2231 ว่า “ได้ไปปรึกษากับมองซิเออร์เดอโวดรีคร์ ถึงเรื่องที่จะพาเรือรบเข้าไปในลำแม่น้ำจนถึงบางกอก มองซิเออร์เดอโวดรีคร์ จึงได้ตอบว่า การที่จะพาเรือเข้าไปในลำแม่น้ำในฤดูนี้ทำไม่ได้ เพราะน้ำในแม่น้ำกำลังท่วมตลิ่งและไหลเชี่ยวแรงมาก ถึงน้ำทะเลจะขึ้นก็ยังไม่พอทานกำลังกระแสเชี่ยวในลำแม่น้ำได้ และถ้าเรือเล็ก ๆ จะขึ้นไปตามลำแม่น้ำแล้ว ก็จะต้องทิ้งสมอลง และกว้านสมอนั้นพาเรือขึ้นไปทีละน้อย ๆ ซึ่งจะเป็นการกินเวลาไม่ต่ำกว่า 15 วัน เพราะระยะตั้งแต่ด่านภาษีซึ่งตั้งอยู่ที่ปากน้ำถึงบางกอกนั้น เป็นระยะไกลถึง 10 ไมล์”
.
แต่อย่างไรก็ตาม นายเดอลาลูแบร์ (Simon de la Loub?re) ราชทูตฝรั่งเศสซึ่งเดินทางเข้ามาพร้อมนายเซเบเรต์ (ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมไว้ในหนังสือ Du Royaume de Siam (จดหมายเหตุลาลูแบร์) ว่า “ในเดือนตุลาคม กระแสลมพัดผ่านมาทางทิศตะวันตกและทิศเหนือ ฝนก็หยุดตก ในเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม สายลดพัดมาจากทิศเหนือ กวาดน่านน้ำ (ให้หมดเมฆ) และดูจะกระหน่ำลงทะเลอย่างแรงถึงขนาดกวาดน้ำที่ท่วมแผ่นดินอยู่ให้ลงทะเลไปได้ภายในไม่กี่วัน ตอนนี้กระแสน้ำขึ้นลงไหลอ่อนมาก ทำให้น้ำในแม่น้ำมีรสจืดไปได้ไกล (จากหน้าเมืองบางกอก) ถึง 2 ลี้ หรือ 3 ลี้”
.
3.นายเชอวาลิเออร์ เดอโชมองต์ (Chevalier de Chaunmont) ราชฑูตของสมเด็จพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ซึ่งเดินทางเข้ามาเจริญทางพระราชไมตรีในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์บันทึกจดหมายเหตุไว้ว่า “เมืองบางกอกเป็นหัวเมืองหนึ่งของพระเจ้าแผ่นดินสยาม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำห่างจากทะเล 24 ไมล์ …..เดินทางจากอยุธยามาบางกอกทางเรือใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง (ออกจากอยุธยา 5 โมงเย็น) ถึงบางกอกรุ่งขึ้นเวลาเช้า……เวลาเช้าเดินทางออกจากบางกอกถึงปากอ่าวเวลา 4 โมงเย็น” (จดหมายเหตุการอนุรักษ์กรุงรัตนโกสินทร์ หน้า 16, คณะกรรมการจัดงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี, กรมศิลปากร, กรุงเทพฯ (2525)
.
การขุดคลองครั้งสำคัญเปลี่ยนทิศทางแม่น้ำเจ้าพระยา
.
ด้วยร่องแม่น้ำอันคดเคี้ยวระหว่างกรุงศรีอยุธยากับทะเลนั้น หากได้ขุดคลองลัดขึ้นก็จะอำนวยความสะดวกในการขนส่งทางเรือ และลำน้ำเจ้าพระยาเดิมซึ่งไหลจากสามเสนเข้าคลองบางกอกน้อย ตลิ่งชัน บางระมาด เลี้ยวออกคลองบางกอกใหญ่ ซึ่งเป็นทางอ้อมโค้ง หากไปด้วยเรือแจวจะกินเวลาตั้งแต่เช้าจรดเย็น
.
พ.ศ. ๒๐๘๕ ในรัชกาลสมเด็จพระไชยราชาธิราช จึงขุดคลองลัดบางกอกขึ้นปัจจุบัน กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงที่ไหลผ่านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ท่าราชวรดิฐ วัดอรุณราชวราราม และท่าเตียน ส่วนแม่น้ำเดิมแคบลง กลายเป็นคลอง ที่เรียกชื่อว่า คลองบางกอกน้อย คลองบางขุนศรี และคลองบางกอกใหญ่ เชื่อมต่อกัน
.
สำหรับตำบลบางกอก ซึ่งเคยอยู่ฝั่งตะวันออกของลำน้ำเจ้าพระยาเดิม ก็กลายเป็นพื้นที่ซึ่งมีแม่น้ำไหลผ่านกลาง แต่ทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกก็ยังคงใช้ชื่อรวมกันว่า “บางกอก” เช่นเดิม
.
คลองลัดเมืองนนท์ ขุดขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๑๗๘ ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ปัจจุบัน กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ตอนที่ไหลผ่านหน้าตลาดขวัญ ในจังหวัดนนทบุรี ส่วนแม่น้ำเดิมแคบลง กลายเป็นคลองที่เรียกกันว่า คลองแม่น้ำอ้อม เชื่อมต่อกับคลองบางกรวย
.
คลองลัดเกร็ดน้อย ขุดขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๒๖๕ ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ปัจจุบัน กลายเป็นแม่น้ำใหญ่ ของลำน้ำเจ้าพระยา ส่วนลำน้ำเดิมไหลอ้อมผ่านไปทางตำบลเกาะเกร็ด และตำบลอ้อมเกร็ด อำเภอปากเกร็ด ในเขตจังหวัดนนทบุรี เรียกชื่อว่า คลองอ้อมเกร็ด
.
คลองลัดเกร็ดใหญ่ ขุดขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม คลองสายนี้ได้กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาในปัจจุบัน ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยาเดิม เมื่อมีคลองลัดตัดตรงไป จึงทำให้แคบลง ปัจจุบัน เป็นคลองบ้านพร้าว เชื่อมต่อกับคลองบางหลวงเชียงราก อยู่ในเขตจังหวัดปทุมธานี
.
เมืองบางกอกกลายเป็นเมืองธนบุรี
.
รั้นขุดคลองลัดแล้ว บางกอกจึงเริ่มมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ขึ้น และต่อมาตั้งเป็นเมืองด่านเรียกว่า เมืองธนบุรีศรีมหาสมุทร ปรากฏชื่อเป็นครั้งแรกในพระราชพงศาวดาร รัชกาลต่อมา คือรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พุทธศักราช 2091 – 2111)ศรีอยุธยา และผ่านอีกในตอนขากลับ แม้ชาวต่างชาติจะรู้จักเมืองนี้ในนาม บางกอก แต่ชื่อทางการของเมืองหน้าด่าน แห่งนี้คือ ธนบุรีศรีมหาสมุทร
.
บางกอกกลายเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญของอยุธยาในการเดินทางออกทะเล และเป็นเมืองค้าขายที่พักเรือสินค้าขนาด ใหญ่ที่คอยขนส่งถ่ายสินค้าเข้า-ออกของสยาม ความสำคัญของเมืองจึงทำให้เจ้าเมืองทนบุรีศรีมหาสมุทรมีอำนาจและมีบทบาทหน้าทั้งการค้า การ ต่างประเทศ และการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในกรณีที่จะเกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้น ตลอดจนเป็นชุมชนทางการค้าที่สำคัญมาแต่โบราณ
.
ภาพเรือสำเภาจากประเทศต่างๆที่เข้ามาทำการค้ากับกรุงสยามจอดอยู่บริเวณท่าช้างในปัจจุบัน
.
ดังนั้นความเจริญของเมืองนี้ จึงเป็นผลสืบเนื่องจากการเป็นด่านเก็บภาษีเรือสำเภาและเรือกำปั่นของฝรั่ง แขก จีน จาม ชวา ญี่ปุ่น จากหลากหลายสารทิศที่เข้ามาทำการค้ากับกรุงศรีอยุธยา การที่เมืองนี้ขึ้นตรงกับพระคลังบ่งว่าอีกส่วนหนึ่งของชุมชนที่อยู่อาศัยในละแวก เมืองธนบุรีศรมหาสมุทรนี้ ก็น่าจะเป็นครอบครัวของผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานพระคลังเช่นกัน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานพระคลัง และกรมท่าที่มาประจำการอยู่ที่เมืองบางกอก (ธนบุรีฯ) ส่วนหนึ่งเป็นผู้ชำนัญการ มาเลย์ แขกมัวร์ จีน จาม รวมถึงทหารรับจ้างฝรั่งรับจ้างมาประจำการป้อมเก็บภาษี
.
พื้นที่ของบางกอกในยุคนั้นจึงเต็มไปด้วยชาวต่างชาติ และศาสนสถานของพุทธ คริสต์ อิสลาม ตั้งเรียงรายอยู่สองฝั่งเมืองบางกอกเต็มไปหมด
.
จนถึงแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่กับเมืองบางกอก เมืองบางกอกกลายเป็นกุญแจสำคัญของพระราชอาณาจักร
.
เกิดการสร้างป้อมเก็บภาษีขนาดยักษ์ใหญ่ เป็นตึก 3 ชั้น สองฝั่งเจ้าพระยา ที่กลางลำน้ำมีโซ่ขนาดใหญ่ขวางจ้าพระยาไว้ ป้อมเหล่านี้หายไปไหน ติดตามได้ในบันทึกฉบับที่ 2
[ngg_images source=”galleries” container_ids=”635″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”0″ thumbnail_width=”240″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”0″ ajax_pagination=”0″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”1″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]