Physical Address
304 North Cardinal St.
Dorchester Center, MA 02124
Physical Address
304 North Cardinal St.
Dorchester Center, MA 02124
บ้านผมมีแมวชาวบ้านมาอยู่ให้เลี้ยงถึงสองตัว ตัวแรกมาอยู่ร่วมสามปีเห็นจะได้ เราเรียกมันว่า “การ์ฟิลด์” เพราะหน้าตามันเหมือนกับแมวเปอร์เซียในหนังการ์ตูน ผมก็จำไม่ได้ชัดว่า มันเข้ามายึดสนามรอบๆ บ้านตั้งแต่วันไหน
บ้านผมมีแมวชาวบ้านมาอยู่ให้เลี้ยงถึงสองตัว ตัวแรกมาอยู่ร่วมสามปีเห็นจะได้ เราเรียกมันว่า “การ์ฟิลด์” เพราะหน้าตามันเหมือนกับแมวเปอร์เซียในหนังการ์ตูน ผมก็จำไม่ได้ชัดว่า มันเข้ามายึดสนามรอบๆ บ้านตั้งแต่วันไหน เพราะวันแรกที่มันเข้ามาอยู่ ผมก็ไม่ยักจะเห็นว่า มันได้ยื่นใบสมัครขอเข้ามาอาศัยแต่ประการใด มีแต่พฤติกรรมจิ๊กโก๋ลักลอบเข้ามาหน้าตาเฉย (ค่อยเล่าวีรกรรมเจ้านี่ให้ฟังในวันหลังนะครับ)
.
ส่วนอีกตัวเข้ามาอยู่หลังจากตัวแรกอยู่ผ่านไปได้เป็นปี เจ้าตัวนี้ไม่ได้ลักลอบเข้ามา หากแต่ถูกพามาทิ้งไว้ตั้งแต่เล็กๆ โดยแม่ของมันเอง ดูๆ แล้วน่าจะเอานิสัยหมาๆ มาจากแม่ที่เป็นคน ซึ่งมักจะไข่แล้วทิ้ง จริงๆ แล้วก็ไม่รู้หรอกนะครับว่า เจ้าตัวเล็กนี้มันเลิกนมแม่ได้หรือยัง
.
แต่นับเป็นบุญวาสนาที่เหมือนสร้างสมกันมาแต่ชาติปางก่อน เจ้าตัวเล็กที่เราเรียกมันว่า “บราวนี่” กลับได้รับความเอ็นดูจากเจ้าการ์ฟิลด์ แมวหนุ่มปลายๆ ที่กลายเป็นแม่คนที่..เอ้ย..ตัวที่สองโดยปริยาย แน่นอนครับ…มันไม่ได้เลี้ยงเจ้าบราวนี่ด้วยนมแห้งๆ ของมันหรอกนะครับ เพราะมันไม่ใช่ตัวเมียแม่ลูกอ่อน แต่มันดูจะสงสารและเอ็นดูที่เจ้าตัวเล็กถูกแม่พามาทิ้งต่อหน้าต่อตามัน เหมือนดั่งเจตนาจะยกให้เป็นลูกเหมียวบุญธรรม มันจึงปล่อยให้เจ้าบราวนี่มุดใต้ท้องมันแล้วโผล่หน้าลอดใต้คางของมัน เพื่อโผล่ออกไปกินอาหารแมวในชามเดียวกัน พอเจ้าตัวเล็กโผล่หน้าลอดคางมันออกไป มันก็จะปล่อยให้กินด้วย แถมเอาลิ้นลูบหัวอย่างเอ็นดู ไม่โกรธ ไม่เห่าไล่.. เอ้ย..ไม่ขู่ไล่ เหมือนกับที่มันไล่ตัวอื่น
.
ยามนอน ยิ่งน่ารัก มันทำตัวได้ดีกว่าแม่ตัวจริงเสียอีก เจ้าการ์ฟิลด์จะนอนให้เจ้าบราวนี่นอนมุดซุกไออุ่น ดูแล้วต้องชื่นชมมันว่า เป็นสุดยอดแมวพ่อลูกอ่อนจริงๆ
.
เคยเล่าเรื่องน่ารักๆ อย่างนี้ให้ บก.วานิช สุนทรนนท์ (นสพ.ฅนตรัง)ฟัง ท่านตอบอย่างน่าเอ็นดูว่า
“เจ้าการ์ฟิลด์เลี้ยงต้อย…อิอิ”
วงจรชีวิตของแมวหรือคน ย่อมไม่เหมือนหมาอย่างแน่นอน…
.
บราวนี่ โตเป็นแมวสาวหุ่นเซ็กซี่ มีทรวดทรงที่ทรมาณใจแมวหนุ่มในละแวกนั้น บ่อยครั้งจึงต้องได้ยินเสียงร้องขู่ไล่กัดไล่ฟัดกันเหมือนหมา…แน่นอนครับ ก็เจ้าพ่อบุญธรรมนั่นแหละตัวดี ไล่กัดไล่ฟัดเสียจนตัวเองได้แผลเหวอะหวะที่หัวกบาล หมดเบี้ยรักษาไปหลายพัน..เอ! ถ้าจะจริงอย่าง บก.วานิชว่าเสียแล้วสิ..
.
เวลาผ่านไปไวยิ่งกว่าโกหก สาวเจ้าบราวนี่ก็ผะอืดผะอม มีอาการแพ้ท้องให้ได้เห็น แทนที่จะกินอาหารเม็ดอย่างเคย หนอย..ดูออกจะละเลยไม่ไยดี อยากจะกินของแปลกอย่างมะม่วงน้ำปลาหวานงั้นแหละ วันไหนได้กลิ่นปลาย่าง มันเป็นต้องมานั่งร้องขอร่วมโต๊ะอยู่หน้าประตูด้วย
.
ที่สำคัญ เราเจ้าของบ้านต่างลุ้นกันว่า ลูกเจ้าบราวนี่ จะมีหน้าตาและมีสีอะไร แน่นอนครับว่า น่าจะได้พ่อมั่งละ ก็อย่างน้อยต้องมีเชื้อเปอร์เซียของเจ้าการ์ฟิลด์หลุดเข้าไปมั่งละ
.
แล้วเผลอๆ วันเวลาก็ถูกโกหกให้ผ่านไปอย่างไม่ทันได้นับ เจ้าบราวนี่ก็ท้องแฟบย้อนกลับมากินอาหารเม็ดกะเจ้าการ์ฟิลด์อีกเหมียนเดิม กินเสร็จมันก็หายหัวแมวไป ก็เลยรู้ว่า มันต้องไปฝากท้องคลอดที่คลินิกเถื่อนแถวๆ นั้นแน่ๆ เอาละ..ไหนๆ มันก็ท้องแฟบมาบอกแล้ว ก็ต้องรอลุ้นว่า จะได้ลูกพันธุ์พ่อบุญธรรมของมันหรือไม่
.
“บราวนี่ เลี้ยงลูกให้โตหน่อย ค่อยพามาให้ดูนะ”
ที่สั่งไปเช่นนั้น ก็เพราะได้ยินเสียงลูกแมวร้องอยู่นอกรั้วบ้าน เจ้าบราวนี่ข้ามรั้วไปคลอดลูกอยู่ข้างบ้านนี่เอง
.
ถัดมาไม่กี่วัน ก็ได้ยินเสียงลูกแมวมาร้องอยู่ข้างๆ ห้อง แล้วก็เริ่มเห็นว่า มีลูกแมวอยู่ในพุ่มไม้ใต้ม้าหินจริงๆ แต่เห็นแล้วแทบช็อก..เพราะเจ้าตัวเล็กดูยังไงก็ไทยแท้ แถมตัวดำปิ๊ดปี๋ ตัวเจ้าบราวนี่กะเจ้าการ์ฟิลด์ก็ไม่มีสีดำ …เอ ลูกตัวไหนหวา ?
.
เอาละ..ลูกตัวไหนก็ช่างหัวแมว ให้แม่มันเลี้ยงอยู่ในรั้วบ้านนี้ด้วยกัน และดูๆ เจ้าคุณตาของมันก็ไม่มีทีท่ากีดกัน แถมยังให้เข้ามาโดดหยองแหยงเล่นหางมันอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
.
ทีนี้เวลานอนสิขอรับ “เจ้าสำลี” ชักเลือกที่ มุดใต้กระโปรงรถ โดดเข้าไปนอนในส่วนเว้าของกันชนหน้า อันเป็นส่วนสำคัญที่บริษัทรถเขาทำมาคิดเงินเราไว้ให้แมวโดดเข้าไปนอนเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ทำมาเพื่อเป็นกันชนให้เรารอดตายให้สมกับชื่อเรียกของมัน ร้อนถึงผมเวลาจะออกรถทีไร ต้องทำพิธีติดเครื่องทิ้งไว้จนมั่นใจเห็นว่า เจ้าบราวนี่พาเจ้าสำลีออกไปพ้นแล้ว บ่อยครั้งเห็นมันพาวิ่งไปในพุ่มไม้ ก็ถือเป็นอันเสร็จพิธี ถอยรถออกจากบ้านได้
.
แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นได้เสมอ แม้แต่การเปลี่ยนรัฐบาลในบางประเทศก็ยังเปลี่ยนกันได้อย่างง่ายดาย เหมือนไม่ได้ใช้เงินตัวเองมาลงทุน
.
เมื่อสามวันที่ผ่านมา ผมจะรีบไปหาหมอที่โรงพยาบาล เพราะจวนจะบ่ายสามเข้าไปแล้ว ก็ทำพิธีก่อนถอยรถ เห็นเจ้าการ์ฟิลด์กะเจ้าบราวนี่ออกไปจากใต้ท้องรถ แต่ยังไม่เห็นเจ้าสำลี แล้วเจ้าบราวนี่ก็ออกไปนั่งห่างๆ เฉยๆ ไม่มายืนเรียกลูกอยู่ข้างรถเหมือนทุกครั้ง ผมจึงมั่นใจว่า เจ้าสำลีคงนอนอยู่ในพุ่มไม้ ก็ค่อยๆ ถอยอย่างระมัดระวัง คือถอยหยุด ถอยหยุด ทีละนิด จนชัวร์ว่าไม่ได้เหยียบเจ้าสำลีแน่ ผมจึงตรงไปโรงหมอ
.
เย็นกลับมาสิครับ หัวทุกหัวตั้งแต่หัวคิ้วลงไปถึงหัวใจ หล่นไปกองอยู่กับหัวแม่เท้า เปล่านะครับ ผมไม่ได้เห็นซากเจ้าสำลีว่า โดนรถผมเหยียบแบนติดพื้นโรงรถ พอจอดรถแล้วเข้าบ้าน เสียงเจ้าบราวนี่ร้องเรียกลูกผิดไปจากทุกครั้งที่ตัวเองกินอิ่มแล้วจะไปเรียกลูกให้มากินนม ผมเห็นมันมาก้มเรียกอยู่หน้ารถ และด้วยท่าทีกระสับกระส่าย ผมฉุกคิดขึ้นมาทันทีว่า เจ้าสำลีต้องนอนอยู่ในกันชนแล้วติดรถออกไปแน่ นึกขึ้นมาได้อีกว่า มันจะโดดออกมาก็ต่อเมื่อแม่มายืนเรียกอยู่ข้างๆ
.
แล้วก็เป็นจริงครับว่า เจ้าสำลีหายไป ผมได้ยินเสียงบราวนี่เรียกหาลูกและเดินวนเวียนอยู่หน้ารถบ้าง เดินไปนั่งเรียกข้างพุ่มไม้บ้าง ผมนอนไม่หลับเลยในคืนนั้น และโทษตัวเองว่า เป็นต้นเหตุพรากลูกให้พ้นจากอ้อมอกแม่
.
กลางคืนแล้วก็กลางวัน กลางวันแล้วหวนสู่กลางคืน บราวนี่ยังคงร้องเรียกหาลูกน้อย
คืนที่สอง บราวนี่กินมื้อเย็นเสร็จ ก็เดินมาเรียกลูกข้างๆ รถ สักครู่ก็เดินร้องเรียกไปรอบบ้านด้วยเสียงที่แหบแห้งและเหนื่อยล้าลง
.
คืนนี้ (๕ ต.ค.๒๕๕๗) เป็นคืนที่สามแล้ว ฝนตกหนักมาสามวัน เสียงแม่ยังคงร้องเรียกหาลูกน้อยอยู่อย่างมีความหวัง แม้จะเว้นวรรคไปบ้างเหมือนทำใจได้ ผมได้เห็นความรักความห่วงใยของแม่ที่มีต่อลูก เสียงบราวนี่ยิ่งร้องยิ่งตอกย้ำความรู้สึกสลดหดหู่ใจ
.
เมื่อวานนี้ ผมเอ่ยกับ หมอไพศาล เกื้ออรุณ (นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพังงา)ว่า สองวันนี้ผมมีเรื่องไม่สบายใจ แล้วเล่าให้หมอฟัง หมอบอกผมว่า
.
“ให้แผ่เมตตาให้เขา ถ้าไม่ถูกรถเหยียบ ไม่ถูกหมาใหญ่ขย้ำ ก็คงจะมีคนเก็บไปเลี้ยง”
ถึงอย่างไรผมก็คงไม่สบายใจอยู่อีก ตราบใดที่ยังได้ยินเสียงเจ้าบราวนี่ เดินร้องเรียกหาลูกยามดึกดื่นหลังเที่ยงคืนยันหัวรุ่ง มันเป็นโศกนาฏกรรมของบราวนี่ และโศกนาฏกรรมของผม